แอลดีไฮด์
แอลดีไฮด์ (Aldehyde) เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่หมู่ฟังก์ชันเป็นหมู่คาร์บอกซาลดีไฮด์ (Carboxaldehyde : หรือ –CHO) มีสูตรทั่วไปเป็น หรือ RCHO หรือ CnH2nO เมื่อ R , R’ เป็นหมู่แอลคิลหรือหมู่แอริล
การเรียกชื่อแอลดีไฮด์
เรียกตามจำนวนอะตอมคาร์บอน แล้วลงท้ายเสียงด้วย –อานาล (–anal)
จำนวนC สูตรโมเลกุล สูตรโครงสร้าง ชื่อ IUPAC ชื่อสามัญ
1 CH2O HCHO เมทานาล ฟอร์มาลดีไฮด์
2 C2H4O CH3CHO เอทานาล อะเซตาลดีไฮด์
3 C3H6O CH3CH2CHO โพรพานาล
4 C4H8O CH3CH2CH2CHO บิวทานาล
5 C5H10O CH3CH2CH2CH2CH2CHO เพนทานาล
สมบัติของแอลดีไฮด์
จุดเดือดและสภาพละลายได้ที่ 20OC ของแอลดีไฮด์บางชนิด
ชื่อ สูตรโครงสร้าง จุดเดือด (OC) สภาพละลายได้ที่ 20OC (g / น้ำ 100 g)
เมทานาล HCHO – 19.1 ละลายได้ดี
เอทานาล CH3CHO 20.1 ละลายได้ดี
โพรพานาล CH3CH2CHO 48.0 16
บิวทานาล CH3CH2CH2CHO 74.8 7
เพนทานาล CH3CH2CH2CH2CH2CHO 103.0 ละลายได้น้อย
1. เป็นโมเลกุลมีขั้ว แอลดีไฮด์ที่มีมวลโมเลกุลน้อยหรือมีจำนวนอะตอมคาร์บอนน้อย ๆ ละลายน้ำได้ดี เนื่องจากหมู่ –CHO ประกอบด้วยอะตอมของออกซิเจนซึ่งมีค่าอิเล็กโทนเนกาติวิตีสูงกับอะตอมของคาร์บอนซึ่งมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีต่ำกว่า แอลดีไฮด์จึงเป็นโมเลกุลมีขั้วเช่นเดียว กับน้ำ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลจึงเป็นแรงดึงดูดระหว่างขั้ว แต่สามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนกับโมเลกุลของน้ำได้โดยเกิดสลับกับโมเลกุลของน้ำ (Associated hydrogen bond) การละลายน้ำจะลดลงเมื่อจำนวนอะตอมคาร์บอนเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีส่วนที่ไม่มีขั้วมากขึ้น
2. จุดเดือดของแอลดีไฮด์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนอะตอมคาร์บอน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนอะตอมคาร์บอนทำให้มวลโมเลกุลสูงขึ้น เป็นผลให้แรงแวนเดอร์วาลส์สูงขึ้น
2. จุดเดือดของแอลดีไฮด์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนอะตอมคาร์บอน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนอะตอมคาร์บอนทำให้มวลโมเลกุลสูงขึ้น เป็นผลให้แรงแวนเดอร์วาลส์สูงขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น